หมวดหมู่: ท่องเที่ยว

1.Sun Moon Lake  

พักร้อนหนีเที่ยวใต้หวัน หรือชาวใต้หวันเรียกเข้าใจง่ายก็คือ ทะเลสาบสุริยันจันทรา  เพราะที่นี้จะลักษณะที่คล้ายพระอาทิตย์และพระจันทร์เสี้ยว   ซึ่งจะพบเห็นทางทิศเหนือ และทิศใต้   เป็นที่น่าทึ่งมาก  เกิดขึ้นเองด้วยธรรมชาติ  สถานที่นั้นเต็มไปด้วยธรรมชาติล้อมรอบ น้ำก็สีฟ้าครามสวยสุดๆ มีสะพานให้ขี่จักรยานชมได้ทั่วเลย   ส่วนมากนักท่องเที่ยวมาที่ทะเลสาบแห่งนี้แล้วก็จะยืมจักรยานชมวิวทิวทัศน์รอบๆให้ทั่ว  ธรรมชาตบำบัดสุดๆ ชิลๆ ในวันหยุด

2.Maokong Gondola

  เป็นสถานที่ยอดฮิตมากสำหรับนักท่องเที่ยวนิยมมานั่งกระเช้าลอยฟ้า ชมวิวทิวทัศน์ของไทเป  ซึ่งกระเช้านี้ลอยได้ถึง 300 เมตรเลย สูงมาก  เห็นวิวรอบๆเมืองไทเปได้หมดเลย  กระเช้าที่เราเข้าไปนั่งนั้นจะเป็นกระจกทั้งหมด รวมถึงพื้นด้วยก็เป็นกระจกทั้งหมด ที่ถูกสร้างมาให้รับน้ำหนักได้   ทำให้สามารถดูได้ทั้งวิวด้านข้าง และมุมสูงด้านล่างที่ลอยอยู่  ใครสายหวาดเสียวแนะนำเลยค่ะ สนุกแน่นอน  ลอยไปแล้วเจอทั้งต้นไม้เขียวขจี และเมฆบางๆ ปะปลาย  สุดยอดมาก

3.Beitou Hot Spring 

เป็นอีกสถานที่ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ เป็นน้ำพุร้อน ที่ชาวใต้หวันมักจะมาพักผ่อนคลายในวันหยุด  สถานที่กว้างขวางรับนักท่องเที่ยวได้เยอะ  ไม่ใช่แค่เป็นจุดให้แช่น้ำร้อนแค่นั้น  ยังมีห้องพักให้เลือกพักผ่อนได้อีกด้วย และในห้องพักก็มีจุดที่ให้แช่นำร้อนส่วนตัวอีกด้วย สบาย คลายเครียดจากการทำงาน  สถานที่สวย มีก้อนหินให้นั่งเล่นได้สบาย น้ำไม่ลึก  เดินทางไม่ลำบาก  เข้ามาแล้วบรรยากาศร่มเย็นเพราะต้นไม้ใหญ่เยอะมาก ทำให่เย็นสบาย 

4.Penghu Islands  

ที่นี่จะเป็นหมู่เกาะ  ที่จะมีเกาะย่อยๆอีกเยอะมาก  แต่ละเกาะจะมีหาดทรายสยงามทุกเกาะ  จึงเป็นที่ดึงดูดสำหรับนักท่องเที่ยวอยากมาเห็นและสัมผัสด้วยตัวเอง และนอกจากนั้นที่นี้ยังมีฝายหินเป็นรูปหัวใจคู่  โดยฝาหัวใจนั้นจะเป็นก้อนหินเรียงกันทั้งหมด จนเป็นรูปหัวใจสองดวงซ้อนกันอยู่ เป็นภาพที่สวยมากๆ เลยนะคะ   น้ำทะเลก็สีฟ้าคราม ร้องว้าวไม่หยุดแน่นอนหากได้มาที่นี้  สุดชิลจริงทริปนี้

5.Alishan

  เป็นสถานที่ปิดท้ายทริปได้แบบว้าวเลยคะทุกคน  เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ยอดฮิต สุดชิล   ท่ามกลางภูเขา ต้นไม้ ดอกไม้ หลากหลายสายพันธุ์  ธรรมชาติมาก เข้ามายังสถานที่แห่งนี้แล้วนั้นบอกเลยว่าเหมือนโดนมนต์สะกดของธรรมชาติให้เราหลงเสน่ห์ป่าธรรมชาติแบบนี้  แถมยังมีรถไฟโบราณให้เราได้นั่งชมวิวธรรมชาติ แวะถ่ายรูปได้ตลอดเส้นทาง สถานที่แห่งนี้ชุ่มเย็นทุกจุด จุดไหนก็สามารถถ่ายรูปได้หมดเลย มันเป็นอะไรที่หาชมได้ยากเหมือนกัน  เหมือนเราอยู่ใยนซีรีย์เรื่องหนึ่งเลยละค่ะ  ลองมากันดูนะ เชื่อว่าก็ต้องร้องว้าวแน่นอน  

ได้รับการสนับสนุนจาก  เว็บตรง ไม่ผ่านเอเย่นต์

สวนเลมอน พสุธารา จังหวัดราชบุรี ในสมัยอดีตนั้นถ้าหากใครอยากจะไปเที่ยวสวนเลมอนต้องขึ้นเครื่องบินเดินทางไปถึงจังหวัดเชียงใหม่ก็เลยทีเดียวซึ่งนับได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไกลเป็นอย่างมากเพราะต้องขึ้นไปถึงเหนือสุดอย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้สวนเลมอน ไม่ได้มีเพียงแค่ที่จังหวัดเชียงใหม่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นเพราะปัจจุบันนี้ที่ราชบุรีในอำเภอสวนผึ้งนั้น

ได้มีการทำสวนเลมอนและเปิดให้นักท่องเที่ยวนั้นเข้าไปเยี่ยมชมความสวยงามภายในส่วนได้ด้วยส่วนดังกล่าวนั้นมีชื่อเรียกว่าสวนเลมอนพสุธารานั่นเอง 

        สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่เดินทางไปเที่ยวที่สวนเลมอนพสุธาราคุณจะได้เพลิดเพลินกับการทำสวนซึ่งแน่นอนว่าคุณจะเห็นลูกเลมอนลูกโตๆห้อยอยู่บนต้นเลมอนซึ่งนักท่องเที่ยวนั้นสามารถที่จะเก็บผลเลยม่อนได้จากต้นเรียกได้ว่าคุณสามารถที่จะลองไปใช้ชีวิตเกษตรกรได้หรือชาวสวนฟาร์มได้นอกจากนี้ถ้าหากใครอยากจะพักอาศัยอยู่ภายในสวนเลมอนพสุธาราก็ทำได้เช่นเดียวกัน

       โดยที่นี่ทางเจ้าของสวนได้มีการเตรียมที่พักเอาไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่อยากจะนอนพักค้างคืนและชมบรรยากาศยามค่ำคืนของสวนเลมอนแห่งนี้ลักษณะของการตกแต่งสวนเลมอนของที่พสุธาแห่งนี้นั้นจะมีสไตล์การตกแต่งเหมือนกับสวนญี่ปุ่นทำให้นักท่องเที่ยวนั้นจะได้บรรยากาศความสวยงามของการทำสวนและบรรยากาศของญี่ปุ่นผสมผสานกันนั่นเอง   

        นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับการเลือกเก็บเลมอนด้วยตนเองแล้วหากใครต้องการที่จะซื้อสินค้าที่ระลึกหรือสินค้าที่เป็นผลผลิตนำมาจากเลมอนซึ่งทางส่วนนั้นจะได้มีการแปรรูปนำมาวางขายให้กับนักท่องเที่ยวก็สามารถที่จะเข้าไปยังร้านของที่ระลึกที่ทางส่วนได้มีการเตรียมเอาไว้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

นอกจากนี้ทั้งสวนยังได้มีการตั้งจุดที่พักไว้ตรงบริเวณริมน้ำซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่สดชื่นบริสุทธิ์แล้วได้พักผ่อนร่างกายให้หายจากอาการเหนื่อยล้าได้จิบเครื่องดื่มรสชาติดีเย็นๆที่ทำมาจากผลไม้ม่อน

        รวมถึงที่นี่ยังมีการขายน้ำผึ้งแท้ให้กับนักท่องเที่ยวหากใครสนใจที่จะซื้อน้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติก็สามารถซื้อได้ที่สวนเลมอนสถานีได้เช่นเดียวกัน

หรือถ้าใครไม่สะดวกที่จะพักค้างคืนนักท่องเที่ยวก็สามารถที่จะขับรถแบบไปเช้าเย็นกลับก็ได้เนื่องจากว่าสวนผึ้งนั้นอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯและปริมณฑลมากนักใช้ระยะเวลาเต็มที่ไม่เกิน 2 ชั่วโมงก็สามารถเดินทางไปกลับระหว่างสวนเลมอนแล้วก็กรุงเทพฯได้แล้วซึ่งถ้าหากใครสนใจอยากจะเดินทางไปเช็คอินที่สวนเลมอนพสุธาแห่งนี้

คุณสามารถค้นหาข้อมูลแผนที่ได้จาก google maps และถ้าใครอยากจะเก็บผลแล้วม่อนกลับมาฝากเพื่อนที่บ้านหรือคนในครอบครัวที่สวนเลมอนเพราะสถานแห่งนี้จะมีการขายกิโลกรัมละ 150 บาทซึ่งทางศูนย์จะมีการเตรียมตะกร้าและกรรไกรไว้ให้นักท่องเที่ยวนั้นได้เลือกว่าจะเอาโดเรม่อนลูกไหนได้อีกด้วย

สนับสนุนโดย  ดูบอลออนไลน์

     ยอดเขามะม่วงสามหมื่น  สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่เคยได้ยินชื่อสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัดตากซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ภายในเทือกเขาดอยสามหมื่น   และกำลังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอยู่ในตอนนี้ซึ่งชื่อสถานที่ท่องเที่ยวดังกล่าวนั้นก็คือน้ำตกปิตุโกรหรือที่รู้จักกันดีในนามของน้ำตกเปรโต๊ะลอซู 

อาจจะเคยได้ยินชื่อสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากน้ำตกเปรโต๊ะลอซูมากนักโดยสถานที่ท่องเที่ยวดังกล่าวเรียกว่ายอดเขามะม่วงสามหมื่น

       สำหรับยอดเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดตากเช่นเดียวกันโดยอยู่บริเวณเทือกเขาดอยสามหมื่นเช่นเดียวกับน้ำตกปิตุโกรนั่นเองซึ่งการเดินทางมาน้ำตกปิตุโกรและยอดเขามะม่วงสามหมื่นนั้นมีการเดินทางมาเส้นทางเดียวกัน

ซึ่งการเดินทางนั้นจะค่อนข้างยากลำบากแต่ถ้าหากนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปถึงบริเวณโดยยอดเขามะม่วงสามหมื่นแล้วคุณจะพบกับความสวยงามที่น่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างมากเรียกได้ว่าถ้าคุณเดินทางไปถึงยอดเขามะม่วงสามหมื่นคุณจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียวกับความสวยงามของวิวทิวทัศน์บนยอดเขาดังกล่าว 

         อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปที่ยอดเขา มะม่วงสามหมื่นหรือแม้แต่น้ำตกปิตุโกรนั้นก็จะต้องเดินทางอย่างระมัดระวังโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนักท่องเที่ยวเดินทางมาช่วงนี้ฤดูฝนเนื่องจากว่าบนยอดเขานั้นฝนจะตกชุกอยู่แทบจะตลอดเวลาและที่สำคัญเมื่อฝนตกลงมานั้นก็จะมีทั้งดินและโคลนทำให้พื้นในการเดินลื่นมาก

นอกจากนี้เส้นทางการเดินนั้นก็อาจจะค่อนข้างยากลำบากเนื่องจากว่าเป็นป่าดังนั้นทริปนี้การเดินทางนั้นไม่ควรที่จะมาแค่เดี่ยวๆหรือมาเป็นคู่แต่ควรจะมาเป็นหมู่คณะจะทำให้การท่องเที่ยวในครั้งนี้สนุกสนานเพลิดเพลินมากกว่า

          ที่สำคัญทหารนักท่องเที่ยวต้องการเดินทางมาเที่ยวที่ยอดเขามะม่วงสามหมื่นแล้วเราก็แนะนำว่าควรจะมีการจ้างไกด์นำทางมาซึ่งอาจจะเป็นชาวบ้านบริเวณดังกล่าวก็ได้เพื่อที่จะได้มาถูกทางและไม่หลงเพราะการเดินทางมาเที่ยวที่ยอดเขามะม่วงสามหมื่นนั้นใช้ระยะเวลาในการเดินทางค่อนข้างนานเลยทีเดียวซึ่งจะต้องเสียเวลาในการเดินทางเกือบประมาณครึ่งวันโดยนักท่องเที่ยวจะต้องเจอกับอุปสรรคมากมายไม่ว่าจะเป็นการเดินบริเวณพื้นที่ทางชันต้องปีนผาและเดินบนเสาเขาเป็นต้น

         อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่จะเดินทางมาเที่ยวที่ยอดเขามะม่วงสามหมื่น แห่งนี้นั้นแนะนำว่าคุณจะต้องมาแบบพักค้างคืนด้วยการนำเต็นท์มาด้วยเพราะเสียเวลาครึ่งวันในการขึ้นมาบนยอดเขาและลงไปอีกครึ่งวันเพราะฉะนั้นคุณแทบจะไม่มีเวลาเที่ยวเลยดังนั้นการมาเที่ยวที่สนุกสนานเพลิดเพลินที่สุดก็คือการมานอนค้างคืนนั้นเอง 

สนับสนุนโดย    ดูบอลสด

  วัดบุโรพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย  สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะพาไปรู้จักกันในครั้งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศอินโดนีเซีย

ซึ่งสถานที่แห่งนี้จะอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศโดยทหารนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังเมืองยอกยาการ์ตา  บนเกาะชวา ซึ่งสถานทีท่องเที่ยวที่จะพาไปรู้จักนี้จะอยู่ห่างจากเมืองนี้ประมาณ 40 กิโลเมตรซึ่งสถานที่ดังกล่าวก็คือวัดบุโรพุทโธนั่นเอง 

         สำหรับจุดเด่นของวัดบุโรพุทโธนั้นก็เพราะว่าที่นี่นั้นได้รับการพูดถึงว่าเป็นสถานที่ที่มีความเกี่ยวพันกับศาสนาพุทธที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกเรียกได้ว่าเป็นวัดที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลกนั่นเองนอกจากนี้ประวัติความเป็นมาของวัดบุโรพุทโธนั้นว่ากันว่าใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างนานถึง 75 ปีทีเดียวกว่าจะสามารถสร้างวัดแห่งนี้แล้วเสร็จ  

          สำหรับการก่อสร้างวัดบุโรพุทโธนั้นมีการระบุว่ามีการใช้อิฐบล็อกประมาณ 2 ล้านก้อนในการก่อสร้างโดยวัดแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงสมัยของอาณาจักร ไศเลนทรา ซึ่งตรงกับช่วงประมาณศตวรรษที่ 8 และที่ 9  เนื่องจากว่าจำนวนอิฐในการใช้ในการก่อสร้างนั้นมีปริมาณที่เยอะมากและเป็นก้อนอิฐขนาดใหญ่

จึงทำให้สถานที่ก่อสร้างแห่งนี้นั้นเป็นสถานที่ก่อสร้างที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่โตมหึมาและมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เยอะแยะมากมายที่สำคัญสถาปัตยกรรมในการก่อสร้างนั้นก็มีความงดงามแปลกตาเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 

            สำหรับประวัติความเป็นมานั้นวัดแห่งนี้นั้นมีอายุเก่าแก่หลายร้อยปีแล้วด้วยก่อนหน้านี้หลังจากที่มีการสร้างวัดแห่งนี้ในสมัยศตวรรษที่ 8 ถึงวันที่ 9

ก็ไม่มีการพูดถึงวัดแห่งนี้ว่ามีความเป็นมาหลังจากนั้นอย่างไรบ้างแต่มีข้อมูลที่สามารถระบุได้ว่าวัดแห่งนี้ไม่ได้รับการดูแลหรือไม่ได้รับการใส่ใจเหลียวแลจากประชาชน จะมาถึงศตวรรษที่ 14 จึงมีคนมาค้นพบวัดแห่งนี้ซึ่งถูกซ่อนอยู่ภายใต้ชั้นขี้เถ้าของภูเขาไฟโดยคนที่มาค้นพบในก็คือเซอร์  โทมัส  สแตมฟอร์ด แรฟเฟิลส์   ซึ่งค้นพบในช่วงประมาณ ปีค.ศ. 1814  นั้นเอง   

           อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีการถูกค้นพบแล้วแต่ก็ยังไม่ได้รับการดูแลหรือใส่ใจมากนักจนต่อมาในช่วงประมาณปีค.ศ. 1975 ถึง 1982 ทางรัฐบาลของอินโดนีเซียและองค์กรยูเนสโกจึงได้จับมือกันเข้ามาดูแลวัดบุโรพุทโธและทำการบูรณะครั้งยิ่งใหญ่  หลังจากนั้นก็ได้มีการบันทึกวัดบุโรพุทโธแห่งนี้ในช่วงประมาณ ปีค.ศ. 1991 ให้เป็นมรดกของโลกที่ใหญ่มากที่สุดในโลกนั่นเอง 

         สำหรับความสวยงามภายในวัดนั้นจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่อยู่ภายในวัดเพราะว่าดูมีเสน่ห์และมีมนต์ขลังเป็นอย่างมากโดยเฉพาะหินบล็อกที่ถูกนำมาสร้างวัดบุโรพุทโธแห่งนี้จะมีการสร้างและนำหินบล็อกไปทำการแกะสลักซึ่งถ้าหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าภาพที่แกะสลักนั้นจะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของพระสุตราซึ่งมีมากถึง 1460  ฉากเลยทีเดียว 

ด้วยความสวยงามและแปลกตาและกลายเป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกทำให้ที่นี่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวอินโดนีเซียและชาวต่างชาตินั้นเอง 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    เว็บสล็อต ยูฟ่า แตกง่าย