สุดยอดสถานที่เที่ยวแบบโรแมนติก

สำหรับคู่รักที่ยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนในช่วงวันหยุดยาว วันนี้เราจะมาแนะนำสถานที่เที่ยวที่มีความโรแมนติกเหมาะกับการไปท่องเที่ยวกับคู่รักเป็นอย่างมากมากฝากกันมาดูกันว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้าง

  1. เกาะพยาม จังหวัด ระนอง สถานที่แห่งแรกที่จะแนะนำถือได้ว่ามีความสวยงามเป็นอย่างมากจนที่นี่ถูกขนานนามว่า มัลดีฟส์เมืองไทย เพราะทะเลที่นี่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก น้ำทะเลสีฟ้าใส มองลงไปสามารถเห็นปะการังใต้น้ำได้เลยและที่นี่บรรยากาศก็เงียบสงบเหมาะกับการมาพักแบบต้องการความเป็นส่วนตัว
  2. บ่อเกลือ จังหวัดน่าน สำหรับสถานที่โรแมนติกแหล่งที่สองนั้นเป็นการเที่ยวแบบธรรมชาติ ใครที่อยากตื่นเช้าขึ้นมาท่ามกลางอากาศเย็นสบาย สดชื่นและมีหมอกอ่อนอ่อนในยามเช้าแล้ละก็มาที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน
  3. เขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัด สุราษฎร์ธานี สำหรับที่เขื่อนเชี่ยวหลานแห่งนี้มีทั้งความสวยงามและความโรแมนติก และยังมีกิจกรรมที่ให้คู่รักทำร่วมกันมากมาย แถมตอนเย็นยังได้กินอาหารริมน้ำท่ามกลางแสงจันและดวงดาวที่เต็มท้องฟ้าที่จะหาดูไม่ได้ในกรุงเทพ สำหรับใครที่ชื่นชอบความท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ การพายเรือคายัก รับรองมาที่นี่มีความสุขล้วนล้วนแน่นอน
  4. นอนแพ ริมน้ำแคว จังหวัด กาญจนบุรี  สำหรับใครที่อยากนอนฟินฟังเสียงน้ำไหลท่ามกลางต้นไม้ต้นใหญ่มากมาย และอยากรับอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้าที่ตื่นขึ้นมา การมานอนแพ ริมแม่น้ำก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย สำหรับที่จังหวัดกาญจนบุรี ไม่ได้ใกล้จากกรุงเทพเลย ขับรถแค่เพียง 2 ชั่วโมงกว่ากว่าก็ถึงแล้ว  สามารถพาคู่รักมานั่งชมพระอาทิตย์ตกดิน นั่งกินอาหารริมน้ำ ท่ามกลางความเขียวของต้นไม้ และความเย็นของสายน้ำ รับรองไปแล้วติดใจทุกรายแถมยังมีกิจกรรมให้คู่รักได้ทำด้วยกันมากมาย และสามารถเลือกได้ว่าจะเอาที่พักแบบหรูหรา หรือจะเอาที่พักแบบประหยัดก็มีหลากหลาย
  5. เกาะกูด จังหวัด ตราด สำหรับทะเลที่นี่มีความสวยงามและน้ำใสมาก  คู่รักหลายคนมักจะพากันเดินทางมาพักผ่อน ดังนั้นทีนี่จึงมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก หากใครที่ชอบความเป็นส่วนตัวอาจจะไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่ แต่หากครู่รักคู่ไหน ที่ชอบเที่ยวโดยมีเพื่อนเที่ยวเยอะแยะหลากหลายที่นี่รองรับความต้องการของคุณได้เป็นอย่างดี และที่นี่ยังมีกิจกรรมให้ทำหลากหลายทั้งดำน้ำดูปะการังและเดินเกาะแขนกันเดินเล่นริมหาด

เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะสถานที่ท่องเที่ยวทีแสนจะโรแมนติกที่น่าลองไปเที่ยวดูสักครั้งมีถูกใจใครบ้างหรือเปล่า หากใครที่ยังไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวที่ไหนก็ลองเอาโปรแกรมที่แนะนำนี้ทดลองเที่ยวกันดูนะคะไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ

ที่เที่ยวน่าไปที่จังหวัดสระบุรี

     เชื่อว่าหลายคนคงจะต้องทำงานกันหนักและเชื่อว่าหลายคนคงไม่ค่อยที่จะมีเวลาไว้พักไว้เที่ยว สันนี้เราจะมาแนะนำที่เที่ยวใกล้กรุงเทพที่จังหวัดสระบุรี ไปเช้าเย็นกลับไม่ต้องเสียงเงินเยอะด้วย 1000 เดียวก็เที่ยวได้ 

  1. สวนพฤกษศาสตร์พุแค ที่นี้จะมีพวกต้นไม้เอาไว้ตกแต่งบ้าน พวกต้นไม้สวยสวยต้นไม้มงคลที่นี้จะมีเยอะมากแต่เขาไม้ได้มีไว้เพื่อที่จะขายแต่มีไว้ให้คนได้ศึกษาเกี่ยวกับต้นไม้ชนิดต่างต่างและที่นี้อากาศไม่ร้อนมากเลยทำให้มีคนเข้ามาเที่ยวที่นี้ก็เยอะพอสมควรอยู่ ซึ้งที่นี้ในทุกทุกวันเสาร์จะมีกิจกรรมพิเศษซึ้งกิจกรรมนี้เรียกว่า ตลาดในสวน ชิมเพลิน  เดินไพร ซึ้งกิจกรรมนี้ที่นี้จะมีนักดนตรีมาเล่นเพลงเพราะๆให้เราฟังฟังเพลงไปก็ดูของไปแถมในวันเสาร์ยังมีร้านขายของกินมาเปิดอีกด้วยต้องขอย้ำว่ามีเฉพาะในวันเสาร์เท่านั้นนะคะ 
  2. น้ำตกสามหลั่น ที่นี้ตั้งอยู่ไม่ไกลมากจากที่อุทยานแห่งชาติ ซึ้งตั้งอยู่ห่างรวมๆประมาณ 300 เมตร ซึ้งน้ำตกที่นี้ถือว่าไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่ประมาณกลางๆกำลังสวย ซึ้งที่เรียกว่าน้ำตกสามหลั่นเพราะน้ำตกที่นี้มีทั้งหมด  3 ชั้น ซึ้งทุกๆชั้นความสูงก็ประมาณ 2 เมตร ซึ้งเมื่อมองดูรวมๆก็เป็นภาพที่สวยมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะในหน้าฝนจะมีพวกกล้วยไม้ป่าตั้งอยู่ใกล้ๆ ซึ้งถ้าเกิดว่าใครมาในช่วงหน้าฝนไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะไหลแรง เพรำที่นี้น้ำไม่ไหลแรงมากเล่นได้ไม่อันตราย ลองไปดูนะคะ
  3. น้ำตกโกรกอีดก ที่นี้ก็ตั้งอยู่ในบริเวณของอุทยานเขาใหญ่ซึ้งที่นี้น้ำไหลแรงมากน้ำตกที่นี้จะมีทั้งหมด 7 ชั้น ซึ้งความสูงของที่นี้มีมากถึง 350 เมตรเลยทีเดียว เวลาน้ำไหลลงกระทบที่ก้อนหินในแต่ละชั้นจะมีเสียงดังก้องกังวาน ซึ้งในบริเวณรอบๆต้นไม้ใหญ่ๆขึ้นอยู่เต็มไปหมด ทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศธรรมชาติๆ แนะนำไม่ให้ลงเล่นเพราะน้ำไหลแรงอยู่แนะนำให้ดูความงามของน้ำตกอย่างเดี๋ยวคุณสามารถเอาเสื่อมาปูนั่งเล่นดูน้ำตกสบายๆก็ได้ ใครสนใจก็ลองไปดูนะคะ

ทั้งสามแห่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ที่น่าใจไปเที่ยวเป็นอย่างมาก ซึ่งทั้งสามแห่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพเลย ใช้เวลาเดินทางไม่นาน สามารถไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับได้อย่างสบายโดยที่ไม่ต้องขับรถแบบเร่งรีบมากนัก ขากลับก็แวะซื้อขนมกระหรี่พับ ขนมดังของเมืองสระบุรี

ซึ่งตอนนี้มีหลายไส้มาก ที่สำคัญมีไส้ปูอัดหิมะ และไส้ยำสาหร่ายด้วย อร่อยมากมาก เหมาะกับการซื้อเป็นของฝากอย่างยิ่ง

น้ำตกชื่อดังของจังหวัดสระบุรี น้ำตกเจ็ดสาวน้อย

น้ำตกเจ็ดสาวน้อยเป็นน้ำตกที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติจังหวัดสระบุรี

ที่นี่จะมีน้ำตกทั้งหมดจำนวนเจ็ดชั้นแต่ละชั้นมีขนาดที่ไม่สูงมากนักส่วนใหญ่จะสูงประมาณ 2-5 เมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวได้ทุกชั้นตั้งแต่ชั้นที่1 ไปจนถึงชั้นที่ 7 และตลอดทางก็จะมีป้ายปักเตือนจากเจ้าหน้าที่รักษาอุทยาน เช่น ทางลื่นให้ระวัง หรือจุดนี้ห้ามกระโดดเล่นน้ำ  หรือแม้แต่ข้างหน้ามีโขดหิน ซึ่งหากนักท่องเที่ยวทำตามป้ายเตือนก็จะปลอดภัยไม่เกิดอันตรายใดๆ

ซึ่งหากเราจะเดินสำรวจน้ำตกแต่ละชั้นทางเจ้าหน้าที่ก็เตรียมทางเดินที่เทปูนเอาไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้เดินสำรวจตั้งแต่ชั้น 1 จนถึงชั้น 5 ส่วนที่ชั้น 6กับชั้น 7 ทางเดินจะยังเป็นทางดินธรรมดา ยังไม่เทปูน สำหรับน้ำตกเจ็ดสาวน้อยเป็นน้ำตกที่มีต้นน้ำไหลมาจากฝั่งทางป่าในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ทุกเกือบทุกชั้นจะมีสั่งห้ามเล่นน้ำเฉพาะที่ชั้นสามเท่านั้นเพราะที่ชั้นนี้น้ำจะลึกมาก

และเคยมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยจึงมีการห้ามเล่นน้ำ แต่สำหรับที่ชั้นอื่นๆ นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำได้หมด ซึ่งชั้นที่มีความสวยงามมากที่สุดจะอยู่ที่ชั้น 4 เป็นชั้นที่น้ำตกจะไหลตกมาลงจากที่สูง คนจะนิยมเดินขึ้นมาเล่นที่ชั้นนี้กันมาก

ส่วนใครที่อยากได้ความสงบก็สามารถเดินขึ้นไปที่ชั้น 6กับ7 ได้แต่ชั้นนี้ผู้คนจะไม่ค่อยลงเล่นน้ำเพราะน้ำจะค่อนข้างไหลแรง สำหรับน้ำตกเจ็ดสาวน้อยทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้เป็นคนเข้ามาค้นพบ เนื่องจากมีการส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาสำรวจป่าแล้วมาเจอกับน้ำตกที่มีความสวยงามจำนวนทั้งหมด 7 ชั้น

ซึ่งน้ำตกนี้อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านที่มีชื่อว่าบ้านสาวน้อย ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้จึงทำการตั้งชื่อน้ำตกนี้ว่าน้ำตกเจ็ดสาวน้อย

ซึ่งเป็นการตั้งตามชื่อของหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับน้ำตกแล้วเอามารวมกับจำนวนของชั้นน้ำตกทั้งหมดนั่นเอง สำหรับที่น้ำตกเจ็ดสาวน้อยนี้จะมีพื้นที่โดยรอบเป็นป่าซึ่งจะมีทั้งต้นไม้ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และมีทั้งต้นไม้ที่คนนำมาปลูกเพื่อเป็นการปลูกป่าเพื่อทดแทนจากที่มีคนเคยเข้ามาตัดไม้ทำลายป่าไป

ซึ่งพื้นที่บางส่วนในเขตของน้ำตกเจ็ดสาวน้อยอยู่ในโครงการปลูกป่าถาวร ที่เป็นโครงการเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่  9 เมือครั้งที่ขึ้นครองราชย์ครบ 50 ปีด้วย และหากใครที่ไปเที่ยวน้ำตกเจ็ดสาวน้อยก็อย่าลืมไปเที่ยวจุดชมวิวตรงสะพานแขวนข้ามน้ำตกกันด้วยนะคะเพราะเป็นจุดที่จะสามารถเห็นความสวยงามของน้ำตกที่ชั้น 1-4 ได้อย่างชัดเจน

เที่ยวน้ำตกดงพญาเย็นกันเถอะ

ก่อนหน้านี้เคยพาไปเที่ยวน้ำตกเจ็ดสาวน้อยกันมาแล้ว วันนี้จะพามาเที่ยวที่น้ำตกดงพญาเย็นที่มีความสวยงามไม่แพ้น้ำตกเจ็ดสาวน้อยเลยทีเดียวและที่สำคัญน้ำตกดงพญาเย็นกับน้ำตกเจ็ดสาวน้อยอยู่ห่างกันเพียงแค่ 300 – 400 เมตรเท่านั้นเอง

ใครที่มาเที่ยวน้ำตกเจ็ดสาวน้อยแล้วก็สามารถแวะมาชมความงามของน้ำตกดงพญาเย็นได้เช่นกัน น้ำตกแห่งนี้อยู่ในเขตของอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี

มีศูนย์ควบคุมไฟป่าของจังหวัดเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อยและความปลอดภัยของน้ำตก สำหรับลักษณะของน้ำตกดงพญาเย็นนั้นจะมีลักษณะของชั้นหินที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

ซึ่งเป็นหินปูนที่ขึ้นมาลดหลั่นกันจำเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามยิ่งตอนที่น้ำไหลกระเซ็นมาโดนโขดหินจะเป็นภาพที่สวยงามมาก ซึ่งน้ำตกดงพญาเย็นนั้นจะมีการไหลของน้ำลดหลั่นกันลักษณะเหมือนกันกับน้ำตกเจ็ดสาวน้อยเลยทีเดียว

ซึ่งที่น้ำตกแห่งนี้จะมีการแบ่งโซนน้ำตกออกเป็นทั้งหมด 3 โซนด้วยกันซึ่งโซนแรกนั้นจะอยู่ทางตอนเหนือของสะพานไม้ขึ้นไปที่โซนนี้จะเหมาะกับเด็กเล่นน้ำเพราะลักษณะของแอ่งน้ำแจะเป็นแอ่งน้ำตื้น จะให้เล่นน้ำประมาณ 2-3 แอ่งด้วยกัน 

ส่วนโซนที่สองจะเป็นโซนที่อยู่อีกฝั่งของสะพานไม้ โซนนี้ก็ไม่ลึกเช่นเดียวกันซึ่งเด็กๆสามารถลงเล่นได้แต่โซนนี้จะมีหินค่อนข้างเยอะ ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังในการลงเล่นน้ำกันสักนิด และเวลาเดินก็ให้ระวังลื่นด้วยเพราะหินที่แช่อยู่ในน้ำนานๆก็จะมีขี้ตะไคร่น้ำเกาะทำให้ลื่นได้ง่าย

และที่โซนนี้มีจุดที่สามารถเล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เพราะจะมีบางจุดที่เป็นน้ำลึกและบางจุดที่เป็นน้ำตื้น ส่วนโซนสุดท้ายคือโซนที่สามนั้น โซนนี้จะเป็นโซนที่มีน้ำลึกพอสมควร ดังนั้นจึงไม่ควรให้เด็กๆมาลงเล่นน้ำที่โซนนี้

หากเรามาเที่ยวที่น้ำตกดงพญาเย็นก็จะเห็นได้ว่าโซนที่สามนี้จะมีแต่กลุ่มผู้ใหญ่หรือพวกวัยรุ่นเท่านั้นที่จะมาเล่นน้ำกันที่โซนนี้

สำหรับที่น้ำตกดงพญาเย็นแห่งนี้นอกจากเราจะมาสัมผัสกับน้ำตกที่มีความใสและเย็นสดชื่นแล้วที่นี่ยังมีจุดที่เจ้าหน้าที่สร้างเป็นร้านอาหารและมีแคร่เอาไว้สำหรับนั่งกินอาหารข้างน้ำตกได้อีกด้วย และนอกจากเราจะเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานแล้ว

ยังมีอุปกรณ์ห่วงยางและห่วงชูชีพสำหรับให้นักท่องเที่ยวเช่าเอาไว้เล่นในน้ำตกด้วย ดังนั้นที่นี่จึงเหมาะเป็นอย่างที่จะพาครอบครัวมาพักผ่อนกันในวันหยุด แต่เสาร์อาทิตย์ที่นี่คนจะเยอะมากหากอยากเที่ยวแบบสงบหน่อยอาจจะต้องมาในวันธรรมดาแทน

การเตรียมตัวกิจกรรมกระโดดร่ม

การเตรียมตัวกิจกรรมกระโดดร่ม

กิจกรรมกระโดดร่มถือว่าเป็นการเที่ยงรูปแบบผจญภัย หรือ อเวนเจอร์ อีกแบบหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะมันความท้าทายสูงมากสูงจริงๆ ต้องขอบอกไว้นะว่าใครที่มีกลัวความสูงอาจจะต้องงดเล่นกิจกรรมนี้ไปก่อน ซึ่งการกระโดดร่มนั้นไม่ว่าจะกระโดดในลักษณะไหนก็ตาม

จะต้องแต่งการให้รัดกุมที่สุด การสวมรองเท้าที่แบบกีฬา เช็คให้ละเอียดว่าผูกเชือกรองเท้าแน่นหนาดีหรือยัง นั้นก็แล้วแต่สถานที่ที่เลือกไปทำกิจกรรม เพราะบางสถานที่นั้นจะมีชุดสำหรับการกระโดดร่มเตรียมเอาไว้ให้อยู่แล้วเพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยที่รัดกุมมากขึ้น

แต่สิ่งสำคัญที่แท้จริงของกิจกรรมกระโดดร่มนี้นั้นก็คือ การเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมที่จะเผชิญประสบการณ์ความหวาดเสี่ยว สำหรับมือในช่วงแรกๆนั้นอาจจะต้องอาศัยและอยู่ในการดูแลของครูฝึกหรือผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อจะได้ทราบวิธีการเล่น ความปลอดภัยในการเล่น และเทคนิคต่างๆเพิ่มเติม คุณจะต้องเรียนรู้และคอยจดจำที่สิ่งเหล่านั้นให้ดี

เพื่อความสนุกและความปลอดภัยของตัวคุณเอง อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือ การเตรียมสุขภาพร่างกายให้พร้อม ซึ่งการกกระโดดร่มนอกจากจะต้องเตรียมตัวทางร่างกายแล้ว จะต้องเตรียมความพร้อมของเรื่องสภาพจิตใจด้วย

อย่างที่ได้กล่าวไปว่า ถ้าหากคุณความสูงอยากจะให้งดเล่นกิจกรรมนี้เพราะมันอาจจะทำให้คุณรู้สึกกลัวแล้วจิตตกจนไม่สามารถควบคุมทิศทางได้ เดี๋ยวเราจะมาบอกว่าก่อนจะมากระโดดร่มนั้นคุณต้องเตรียมตัวสภาพของร่างกายอย่างไรบ้างดังนี้

  • มีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่มีอาการป่วยใดๆเด็ดขาด ซึ่งก็ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ทุกครั้งเพราะในบางกรณีอาจจะเป็นข้อยกเว้น และเจ้าหน้าที่จะคอยดูแลเป็นพิเศษ
  • คนที่รักกิจกรรมสุดท้าทายเหล่านี้มักจะชอบวางแผนการเที่ยวเป็นโปรแกรม ซึ่งใครไปทำกิจกรรมดำน้ำแบบสคูบ้ามาก่อนหน้านี้ จะสามารถทำกิจกรรมกระโดดร่มได้หลังจากนั้น 24 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพ
  • ผู้ที่มีน้ำหนักเหมาะสมกับการกระโดดร่มคือ จะต้องไม่เกิน 100 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคุณ ซึ่งถ้าหากคุณมีน้ำหนักตัวเกินคุณจะต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อทำการตรวจสอบอีกครั้งและประเมินสถานการณ์ให้เหมาะสมในกรณีที่คุณอาจจะมีน้ำตัวเกินขึ้นมาไม่มากจากที่ได้กำหนดไว้
  • สำหรับวัยรุ่นที่ชอบกิจกรรมท้าทายเหล่านี้จะต้องรู้กฎว่า การกระโดดร่มจะอนุญาตให้เด็กอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น หากใครที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีมีความต้องการอยากจะทำกิจกรรมกระโดดร่มจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง และในส่วนของผู้สูงอายุนั้นสามารถเล่นได้ไม่จำกัดอายุ แต่จะต้องตรวจสุขภาพมาก่อนทุกครั้ง เพราะในวัยของผู้ใหญ่นั้นอาจจะมีภาวะแทรกซ้อนเข้ามาได้อย่าง โรคหัวใจ โรคความดัน เหล่านี้จะเป็นปัญหาสำหรับกิจกรรมกระโดดร่มได้

สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆกับพิพิธภัณฑ์แปลกๆจากทั่วโลก

การท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันนี้

เวลาที่หลายๆคนจัดทำโปรแกรมการท่องเที่ยวของตนเองนั้น หลายๆคนนั้นก็มักจะใส่แต่สถานที่ยอดนิยมตามรีวิวที่คนส่วนใหญ่ได้ไปกัน และหนึ่งในนั้นสิ่งที่แทบจะขาดไปไม่ได้เลยในทุกๆแพลนเที่ยวของโปรแกรมก็คือ “พิพิธภัณฑ์” พิพิธภัณฑ์เป็นสถานที่ที่มักจะเก็บสิ่งของที่มีค่าและสำคัญในประวัติศาสตร์ ที่ที่รวบรวมผลงานที่มีทิศทางไปในทางเดียวกัน

ที่ที่เป็นเสมือนที่ให้ความรู้แบบบูรณาการหรือแม้แต่เป็นที่ที่สามารถเข้าไปซึมซับบรรยากาศและเรื่องราวของสิ่งของที่อยู่ในที่แห่งนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมพิพิธภัณฑ์ยังคงอยู่ในลิสอันดับต้นๆที่ทุกคนใส่เข้ามาในแพลนเที่ยวของตนเอง

แต่จะไปเที่ยวแต่พิพิธภัณฑ์แบบธรรมดาๆก็คงจะไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ ทำไมไม่ลองสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ โดยการไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์แปลกๆดูบ้างล่ะ นับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยที่จะลองไปดู

ซึ่งพิพิธภัณฑ์แปลกๆนั้นมีหลากหลายที่จากทั่วโลกมากมาย เช่น

  1. พิพิธภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนิชชิน ตั้งอยู่ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมประวัติความเป็นมาของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อนิชชิน และยังเป็นแหล่งบูรณาการมีกิจกรรให้ทำหลากหลาย ทั้งสวนสนุกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คลาสการสอนทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสำหรับเด็ก หรือแม้แต่การทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วยตัวคุณเองที่มีแค่ถ้วยเดียวบนโลก
  2. พิพิธภัณฑ์ใต้น้ำแคนคูน ตั้งอยู่ที่เมืองแคนคูน ประเทศเม็กซิโก โดยภายใต้น่านน้ำจะทำการจัดแสดงประติมากรรมรูปปั้นรวมกว่า 400 ชิ้น ซึ่งการเข้าชมที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สามารถทำได้ 3 วิธีคือ การทัวร์ในเรือท้องกระจก, การดำน้ำแบบลึก และการดำน้ำบนผิวน้ำ
  3. พิพิธภัณฑ์เส้นผมอวานอส ตั้งอยู่ที่เมืองคัปปาโดเกีย ประเทศตุรกี เป็นสถานที่สุดแปลกที่รวบรวมเส้นผมของหญิงสาวจากทั่วโลกไว้มากมายถึง 16,000 คน โดยหญิงสาวที่มาที่พิพิธภันฑ์แห่งนี้ส่วนใหญ่จะทำการตัดผมและมอบผมพร้อมกับกระดาษที่แนบที่อยู่ของตนเองให้กับทางพิพิธภัณฑ์เพื่อนำมาประดับให้เต็มทั้งสองข้างทางรวมถึงผนังด้านบนของพิพิธภัณฑ์อีกด้วย
  4. พิพิธภัณฑ์สุขาแฮวูแจ ตั้งอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ เรื่องขับถ่ายใครมองว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ จริงๆเป็นเรื่องปกติธรรมดาด้วยซ้ำที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเราๆ โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะทำการจัดแสดงรูปปั้นในทุกอิริยาบถของคนที่เข้าสุขา จัดแสดงสุขารูปแบบโบราณมายังสมัยใหม่ ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่อยากศึกษาในเรื่องสุขาและการขับถ่าย
  5. พิพิธภัณฑ์ศิลปะยอดแย่ ตั้งอยู่ที่รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรูปผลงานศิลปะสุดห่วยจากศิลปินกว่า 600 ชิ้น ซึ่งปัจจุบันก็มีหลายภาพเลยที่โด่งดัง สำหรับใครที่ชอบศิลปะควรไปลองชมดูสักครั้ง เพราะเรื่องของศิลปะนั้นอยู่ที่ความคิดส่วนบุคคลจริงๆ 

เอาล่ะ การไปพิพิธภัณฑ์แปลกๆก็เหมือนเป็นประตูที่จะทำให้เราได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆที่ไม่เคยได้รู้ ในเมื่อรู้แบบนี้แล้ว ถ้ารอบหน้าคุณมีแพลนจะไปเที่ยวที่ประเทศไหนก็อย่าลืมศึกษาพิพิธภัณฑ์แปลกๆของประเทศนั้นๆกันด้วยล่ะ

ไหว้พระขอพรที่วัดล้านหอย

 ก่อนหน้านี้เคยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในอำเภอนาดี ของจังหวัดปราจีนบุรี

เป็นรีสอร์ทดอกหงอนนาคมาแล้ว วันนี้จะพาเที่ยวไหว้พระ ซึ่งจุดเด่นของวัดแห่งนี้คือความอลังการของสถาปัตยกรรมที่ประดับด้วยเปลือกหอยหลายชนิด ทั้งหอยกาบ หอยจานใหญ่และหอยสังข์ ซึ่งไม่ว่าเราจะมองไปทางไหนก็จะเห็นว่ามีการนำเปลือกหอยมาประดับตกแต่งสวยงามเต็มไปหมดแม้แต่ชุดจีวรของพระพุทธรูปก็ยังมีการประดับไปด้วยเปลือกหอย

วันนี้เราขอแนะนำวัดรัตนเนตตาราม หรือวัดล้านหอย

หากใครที่ได้ไปเห็นวัดแห่งนี้คงต้องประหลาดใจกับการตกแต่งอย่างสวยงามจากเปลือกหอย ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของวัดล้านหอยเลยก็ได้  ซึ่งทำให้วัดล้านหอยถือว่าเป็นวัดอันซีนที่สวยงามเป็นอย่างมาก ที่สำคัญวัดนี้มีพระพุทธรูปมากมายให้ไหว้ขอพร รวมถึงพระนอนองค์ใหญ่มากๆก็มี

ทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวต่างสนใจเข้ามากราบไหว้ขอพรกันเป็นจำนวนมาก

เมื่อมีการสอบถามประวัติความเป็นมาก็พบว่าผู้ที่ริเริ่มในการนำเปลือกหอยมาตกแต่งวัดก็คือท่านเจ้าอาวาสและพระลูกวัดของที่นี่นั่นเอง โดยท่านเล่าให้ฟังว่า เมื่อท่านออกมาบิณฑบาตท่านมักจะเห็นเปลือกหอยเป็นจำนวนมาก อย่างเช่นเปลือกหอยแครง

ซึ่งท่านสังเกตมาจนเป็นปีก็ไม่พบว่าเปลือกหอยแครงจะแตกหักเสียหายหรือผุพัง จึงปรึกษากับพระลูกวัดจะนำเปลือกหอยมาประดับหอพระ จึงได้ลงมือช่วยกันทำแล้วเมื่อทำเสร็จแล้วพบว่ามีความสวยงาม ชาวบ้านที่มาทำบุญที่วัดก็เลยนำเปลือกหอยชนิดต่างๆมามอบให้ ท่านจึงนำมาตกแต่งเพิ่มจนสามารถทำได้ทั้งวัดไม่ว่าจะเป็น อาคารหอพระแก้วสามฤดู หรือแม้แต่เหล่าพญานาค พระพุทธรูปทุกรูปที่ตั้งเรียงราย ท่านก็นำเปลือกหอยมาประดับทั้งหมด 

ซึ่งหากมองออกไปจะเห็นเปลือกหอยหลากหลายสีสันสวยงามเหมือนกับนำดอกไม้มาประดับ ซึ่งท่านเจ้าอาวาสบอกว่าสีของเปลือกหอยที่เห็นอยู่นั้นเป็นสีธรรมชาติของเปลือกหอยเลย ไม่ได้นำสีมาทาแต่อย่างใด เมื่อเยี่ยมชมความงามของวัดและไหว้พระขอพรเสร็จแล้ว เราสามารถเดินไปทางด้านหลังของวัดจะมีจุดให้ชมวิวธรรมชาติที่สวยงามอีกด้วย

ที่นี่มีการสร้างเป็นกระท่อมไม้ไผ่ และมีสะพานไม้และมีวิวทิวทัศน์สองข้างทางเป็นทุ่งนา สามารถนั่งพักผ่อนชมความสวยงามของธรรมชาติ 

             หากใครที่ชื่นชอบการขอพรไหว้พระและอยากชมศิลปะที่สวยงามแปลกตา ที่วัดรัตนเนตตารามหรือที่เรียกกันติดปากว่าวัดล้านหอยจะเป็นอีกหนึ่งวัดที่ควรค่าแก่การมาเยื่ยมชม

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

พาเที่ยว เกาะสมุย  หาดเฉวง หาดที่สวยงามที่สุดและมีแหล่งบันเทิงแบบครบครัน

             สำหรับนักท่องเที่ยวที่เคยไปเที่ยวที่เกาะสมุยกันมาแล้วย่อมไม่มีใครไม่รู้จักหาดเฉวง หาดที่สวยติดอันอันดับต้นๆของเมืองไทยและมีความยาวของหาดถึง 6 กิโลเมตรด้วยกัน

ซึ่งเมื่อมีชายหาดยาวขนาดนึ้จึงจำเป็นต้องมีการแบ่งโซนพื้นที่ของชายหาดออกเป็นสี่ส่วนเพื่อสะดวกในการดูแลด้านความสะอาดของชายหาดและที่สำคัญการดูแลด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเล่นที่หาดเฉวงแห่งนี้

สำหรับหาดเฉวงมีพื้นที่อยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะสมุย แบ่งออกเป็น 4 เขตคือ หาดเฉวงเหนือ  หาดเฉวงกลาง หาดเฉวงใต้และสุดท้าย หาดเฉวงน้อย ซึ่งหาดเฉวงนี้เป็นชายหาดที่ขึ้นชื่อเรื่องของความยาวของหาดและความสวยงามเป็นอย่างมาก นักท่องเที่ยวนิยมพากันมาพักผ่อนริมชายหาดที่นี่กันเป็นจำนวนมาก ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ

นอกจากที่นี่ชายหาดจะยาวจนสุดลูกหูลูกตาแล้ว ยังมีพื้นทรายเป็นสีขาวละเอียด น้ำทะเลก็ใสมองลองไปเห็นสิ่งของใต้น้ำได้ดี ที่ชายหาดแห่งนี้น้ำไม่ลึกมากนักนักท่องเที่ยวจึงนิยมพากันมาเล่นน้ำที่นี่กัน และที่พักริมชายหาด หรือโรงแรมริมหาดก็มีการตกแต่งสวยงาม มีอาหารบริการรวมถึงสถานบันเทิงก็มีพร้อม ทำให้ที่นี่โด่งดังมากในหมู่นักท่องเที่ยวของชาวต่างประเทศ 

 เนื่องจากหาดแห่งนี้เป็นที่นิยมมาพักผ่อนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ

จึงทำให้หาดแห่งนี้คึกคักมากทั้งเวลากลางวันและกลางคืน หากใครที่ชอบที่มีคนเที่ยวกันเยอะๆ ที่นี่ตอบโจทย์ของคุณได้เลยค่ะ ทั้งรีสอร์ท  โรงแรมจะมีนักท่องเที่ยวจองคิวเต็มตลอดทั้งปี ซึ่งความสวยงามของรีสอร์ทและโรงแรมจะอยู่ที่พอก้าวขาออกมานอกเขตโรงแรมก็เจอทะเลเลย

กลางคืนสามารถยืนมองทะเลจากที่พักให้บรรยากาศอีกแบบ เวลาที่แสงจันทร์ส่องลงมาที่ท้องทะเลและแสงจันทร์ไปกระทบกับพื้นทราย ทำให้แสงสวยงามมาก แต่หากใครที่ชอบแนวท่องเที่ยวแบบเงียบๆ อยากอยู่ส่วนตัวไม่ชอบความวุ่นวายที่นี่จะไม่เหมาะกับคุณมากเท่าไหร่ค่ะ 

เพราะสามารถบอกได้เลยว่า คนเยอะทั้งกลางวันและกลางคืนเลยทีเดียวสำหรับที่เกาะเฉวงแห่งนี้ ดังนั้นหากต้องการมาเที่ยวแบบเงียบๆค่อยๆสัมผัสกับความงดงามทางธรรมชาติ ฟังเสียงคลื่นซัดซาดโขดหินแบบเบาๆจะไม่มีให้เห็นค่ะ

        เพราะที่นี่กลางวันก็คึกคักเต็มไปด้วยคนฝรั่งและไทยทีชอบมานอนอาบแดด ส่วนกลางคืนก็มีการเปิดสถานบันเทิง เปิดร้านเหล้าอีกฝากฝั่งของถนนกันเลย เรียกได้ว่าราตรีไม่เคยหลับใหลสำหรับชายหาดแห่งนี้

Go Japan ตอนไหนดี ?

สำหรับใครที่กำลังต้องการไปเปิดหูเปิดตา เที่ยวต่างประเทศ และสนใจที่จะไปประเทศญี่ปุ่น

ประเทศที่มีคนพากันไปเที่ยวตลอดทั้งปี แต่เป็นการไปครั้งแรกยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปช่วงไหนดี เรามีคำแนะนำดีๆ มาฝากประกอบการตัดสินใจ ก่อนซื้อตั๋วเครื่องบิน มาลองดูข้อมูลกันก่อนได้เลยค่ะ

Japan หรือญี่ปุ่นเราสามารถเที่ยวได้ทุกฤดู โดยที่ญี่ปุ่นจะมีทั้งหมด 4 ฤดูด้วยกัน ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ  ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ซึ่งน่าเที่ยวทุกฤดูเลยค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าใครชอบอากาศแบบไหน 

          ฤดูใบไม้ผลิ ( เริ่มต้น เดือนมีนาคม ต่อเนื่องจนถึง เดือนพฤษภาคม )   ช่วงนี้เป็นช่วงที่ตามถนนและสวนสาธารณะจะสวยงามมากเพราะจะมีดอกซากุระบานเต็มต้น มองไปทางไหนก็จะเห็นแต่สีของซากุระ เห็นแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น เหมาะกับการถ่ายรูปดอกซากะจะเริ่มบานตั้งแต่ภาคใต้ไปภาคเหนือ  และจะอยู่ได้ ประมาณ 7-10วัน ก็จะ อากาศในช่วงนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 10-16 องศาเซลเซียส โดยในแต่ละปี ดอกซากุระจะบานเวลาแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและอุณหภูมิของแต่ละปี 

          ฤดูร้อน (เริ่มต้น เดือนมิถุนายน ยาวต่อเนืองจนถึง เดือนสิงหาคม )  เป็นช่วงเวลาของสีเขียว มองไปทางไหนจะเห็นสีเขียวของต้นไม้เต็มไปหมด  เวลานี้ที่ญี่ปุ่นจะถือว่าร้อน แต่สำหรับเราคนไทยถ้าไปเที่ยวจะไม่รู้สึกถึงความร้อนเลย เพราะอากาศจะเย็นกว่าบ้านเรามาก  อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 24-28 องศาเซลเซียส ถึงจะบอกว่านี่เป็นช่วงของ ฤดูร้อนแต่ก็มีฝนตกบ้างบางวัน และในช่วงเวลานี้ยังถือว่าเป็นช่วงฤดูของการปีนเข้า  ผู้คนจะเดินทางไปปีนเขาที่ภูเขาไฟฟูจิกันเป็นจำนวนมาก โดยจะไปในช่วงเดือน เดือนกรกฎาคมและเดือนสิงหาคม ใครชอบความท้าทาย สามารถไปทดลองกันได้ 

          ฤดูใบไม้ร่วง ( เริ่มต้นเดือนกันยายน ยาวต่อเนื่องจนถึง เดือนพฤศจิกายน )  เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงในช่วงเดือนกันยายนและเดือนตุลาคม  เป็นเดือนที่น่าเพลิดเพลินกับบรรยากาศความเย็นสบาย ท่ามกลางสีสันของต้นไม้ ที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้ม  แต่งเติมความอบอุ่นระหว่างผลัดเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูหนาว ด้วยอุณหภูมิเฉลี่ย 17-20 องศาเซลเซียส

          ฤดูหนาว ( เริ่มต้นเดือนธันวาคม ยาวต่อเนื่องถึง เดือนกุมภาพันธ์ )  นี่เป็นช่วงเวลาของคนชอบเล่นหิมะ ได้ใส่เสื้อกันหนาวสวย ( เมืองไทยจะไม่มีโอกาสแบบนี้ )  อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3-7 องศาเซลเซียส ในฤดูนี้จะมีผู้คนเป็นจำนวนมากต่างพากันไปเกาะฮอกไกโด ซึ่งจะอยู่ทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น ในช่วงนี้อากาศจะติดลบอยู่หลายเดือน ถ้าอยากได้ความเย็นแบบซะใจ แนะนำให้ไปเที่ยวช่วงนี้ได้เลย แต่ต้องระวังเรื่องอากาศและสุขภาพ อย่าให้หวัดกลายมาเป็นของฝากกลับมาด้วยหลังจากไปเที่ยวมานะคะ

ถ้าไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นตรงกับช่วงวันหยุดของคนญี่ปุ่น ถึงแม้ร้านค้าและสถานที่ท่องเที่ยวจะยังเปิดให้บริการตามปกติ

แต่จะมีคนเยอะมาก เพราะคนญี่ปุ่นเองก็จะออกมาเที่ยวในช่วงวันหยุดเหมือนกัน  โดยเฉพาะช่วงเทศกาลที่มีการหยุดยางต่อเนื่องหรือเป็นวันหยุดที่หยุดต่อจากเสาร์และอาทิตย์ คนจะเยอะมากเป็นพิเศษ ทำให้ต้องแย่งกันเดินทาง เพราะก็จะเหมือนกับคนไทย ที่วันหยุดยาวก็จะเดินทางออกไปต่างจังหวัด ทำให้ค่ารถไฟฟ้า หรือแม้แต่ค่าที่พักจะมีราคาแพงกว่า 

และที่สำคัญเวลาของไทยจะช้ากว่าที่ญี่ปุ่น 2 ชั่วโมง เช่น  ถ้าตอนนี้ประเทศไทยเป็นเวลา 09.00 .00 น.เวลาที่ญี่ปุ่นก็จะเป็น  11.00 น. นะจ๊ะ