หากเวนิส ไม่มีแล้วเราจะไปเที่ยวที่ไหน คิดว่านักท่องเที่ยวหลายๆ คน คงรู้จัก เวนิส สถานที่สุดโรแมนติก ในประเทศอิตาลี ที่เป็นเกาะเล็กๆ แล้วในเมืองก็จะรายล้อมไปด้วยคูคลอง มีบรรยากาศเรือกอนโดล่า พายไปมาพร้อมกับเสียงขับร้องของนักพายเรือ
ที่เรียกได้ว่าเป็นความคลาสสิคของเมืองนี้ไปแล้ว แต่ไม่ช้าอนาคตข้างหน้าเมืองนี้อาจจะจมลงไปอยู่ใต้ทะเล เพราะในแต่ละปีนั้น เมืองเวนิส มักจะเกิดปัญหาน้ำท่วมอยู่ตลอดเวลา ทำให้ในเวลานี้คนที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่มักจะพาไปตั้งรกรากกันที่อื่น
จะเหลือไว้แต่ร้านค้า ที่เจ้าของร้านจะมาตอนเช้าเพื่อเปิดร้านและปิดร้านในกลางคืน จากนั้นก็จะกลับเข้าไปพักที่อื่น
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่หากใครได้มีโอกาสไปเวนิส ในสมัยก่อนเมื่อสิบปีที่แล้ว เมืองนี้น่าจะเป็นอีกเมืองหนึ่งที่ไม่เคยหลับใหล เพราะกลางคืนนั้นจะเต็มไปด้วยการเต้นระบำใส่หน้ากาก มีร้านนั่งกินชิล มีคนเต้นระบำ และมีเพลงขับกล่อม ตลอดทุกซอกทุกมุม แต่นั่นคงเป็นเพียงแค่อดีต เพราะอย่างที่กล่าวไปตอนต้นก็คือ ตอนนี้ไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นี่อีกแล้ว
โดยส่วนตัวนั้น ตัวผมเองได้เคยมีโอกาสไปเที่ยวที่นี่สองคน ในระยะเวลาสามปี ซึ่งปีแรกที่ไปนั้นต้องบอกว่าบรรยากาศไม่เหมือนครั้งที่สองที่ไป ไม่รู้ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะครั้งแรกไปนั้นใช้วิธีไปเช้าเย็นกลับ (แต่ไปสองวันติด) หรือเปล่า
เพราะครั้งแรกจะรู้สึกว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข เพราะตกดึกแล้วกลางค่ำกลางคืนยังมีคนเดินเล่นไปมา มีแสงไฟสวยงามคอยประดับอยู่ข้างทางตลอดทั้งสองวันที่ไป ซึ่งถึงแม้จะดึกแค่ไหน ก็ยังรู้สึกว่า เมืองเวนิสนี้ เดินไปไหนก็ไม่เบื่อเลย
เพราะมีของให้ดูเต็มไปหมด แต่การกลับไปครั้งที่สองนั้นกลับไม่เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ครั้งที่สองนี้ตั้งความหวังไว้ว่าจะใช้ชีวิตดูผู้คนตามบรรยากาศของคนเมืองเวนิส ว่าเมืองนี้กลางคืนเค้านอนกันบ้างมั้ย แต่ทุกอย่างกลับผิดคาด เพราะตลอดระยะเวลาสองคืนที่ผ่านไปนั้น
บรรยากาศช่างเงียบเหงาเหลือเกิน ผู้คนหายไปหมดตั้งแต่หัวค่ำ เหลือเพียงแค่น้ำในลำคลองที่มีเสียงขับกล่อมเวลาคลื่นกระทบฝั่งเท่านั้นเอง
เพียงแค่ยังไม่ถึงสามทุ่ม เมืองเวนิส กลายเป็นเมืองร้าง เหลือไว้เพียงแค่ไฟริมทาง ไม่มีร้านไหนเปิดเลย ซึ่งทำให้บรรยากาศที่เคยดูสนุกและโรแมนติก กลับเป็นบรรยากาศที่น่ากลัวและไม่น่าเดินเอาซะเลย หากถามตอนนี้ว่า เวนิส จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไหม เชื่อว่าคงยากแล้วหล่ะ
ได้รับการสนับสนุนโดย แจ้งฝาก-ถอน ufabet